รายงานโดย เจ้าหญิงมิโกมิโกน่า
ข้าพเจ้าเคยบอกหรือยังว่า เปอะเปี๊ยะดอนฯ อร่อยมากแค่ไหน อร่อยจนติดใจและเสียดายจริงๆ ว่าบัดเดี๋ยวนี้หายสาบสูญไปเสียแล้ว คิดแล้วยังอยากกินอยู่ไม่วาย เซร์บันเตสคงส่งเปอะเปี๊ยะนั้นมาเพื่อผีเสื้อจริงๆ
งานวันที่ห้า มีเสวนาเรื่อง 'ความประทับใจหนังสือดอนกิโฆเต้ฯ' โดย อ. คารินา โชติระวี อาจารย์ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อ. สว่างวัน ไตรเจริญวิวัฒน์ ผู้แปล และคุณสุวัฒน์ หลีเหม
อ. สว่างวัน : ข่าวหนึ่งของ อ. คารินา โด่งดังถึงประเทศสเปน เมื่อแนะนำหนังสือดี 10 เล่มสำหรับท่านผู้นำประเทศ หนึ่งในนั้นคือดอนกิโฆเต้ฯ อยากให้เล่าว่า อ. คารินา ประทับใจอะไรในหนังสือเล่มนี้ จึงแนะนำ
อ. คารินา : ปีที่แล้ว อยากแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศ หลายเรื่องพูดถึงคุณธรรม จึงอาสาจะพูดหัวข้อนี้ มีเวลาเตรียมรายการหนังสือเพียง 24 ชั่วโมง นึกเรื่องที่ 10 ไม่ออก ได้เห็นโฆษณาหนังสือเล่มนี้ว่า "ในชั่วชีวิตหนึ่ง หากแม้นสวรรค์ทรงอนุญาตให้อ่านหนังสือได้เพียงเล่มเดียว จงเลือกเล่มนี้เถิด ชีวิตจักไม่ตายเปล่าแน่แท้"
คุณสุวัฒน์ : ขึ้นเวทีเป็นครั้งที่ 3 ในฐานะผู้อ่าน วันนี้พูดหัวข้อความประทับใจ หนังสือเล่มนี้เปิดกว้างต่อการตีความ ความประทับใจเป็นเรื่องส่วนบุคคล อ่านแล้วได้ความสนุก ไม่ใช่อ่านแล้วขำอย่างเดียว สนุกคือที่ดูตั้งแต่ต้นจนจบแล้วมีความสุขกับมัน เป็นวรรณกรรมยุคใหม่ หนังสือเล่มนี้น่าจะให้อะไรมากกว่าความสนุกเพียงอย่างเดียว อย่าตั้งแง่ ควรเปิดใจกว้าง พอเห็นหนังสือเล่มนี้หนามาก หลายท่านอาจถอดใจแต่แรก หรือข้อมูลว่าหนังสือดีที่สุดในโลก อาจรู้สึกไม่น่าอ่าน แต่ให้อ่านเพื่อความสนุกสนาน การผจญภัยของดอนกิโฆเต้จะบอกว่าท่านจะได้รับอะไร เซร์บันเตสทำให้เราเห็นแง่งามของชีวิต มีด้านมืด ด้านสว่าง ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกมองด้านไหน
อ. คารินา : ความประทับใจต่อดอนกิโฆเต้ฯ นั้น เคยเรียนสมัยอยู่อักษรศาสตร์ เรียนโทวิชาภาษาสเปน ปัจจุบันลืมไปหมดแล้ว จำได้แต่ดอนกิโฆเต้ แต่ได้อ่านตอนที่สำคัญๆ บ้าง จำได้ว่าประทับใจวิธีการเสนอเรื่องและความสนุกสนาน ธีมจากดอนกิโฆเต้แฝงอยู่ในวรรณกรรมต่างๆ เช่นโฟล์กเนอร์ ฮักเกิลเบอร์รี่ฟินน์ เราทำงานแปลเอกสารต่างๆ ของศูนย์การแปล คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ วันหนึ่งเห็นเอกสารแปลกๆ อ. สว่างวันขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยพิมพ์จากลายมือต้นฉบับ ก็รู้สึกตื่นเต้น เหมือนได้เห็นตั้งแต่ยังไม่คลอด
สังคมเราให้ความสำคัญกับงานจากจินตนาการค่อนข้างน้อย การตีความที่ไม่มีคำตอบตายตัว ดอนกิโฆเต้เป็นตัวละครที่ไม่เคยมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเป็นแค่นั้น ทุกอย่างมองมากไปกว่านั้น มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ได้ ตอนนี้เรามักมองทุกอย่างในเชิงฟังก์ชันว่าใช้ประโยชน์อย่างไร เห็นเรือนแรมเป็นปราสาท
อ. สว่างวัน : ดูหนังลอร์ดออฟเดอะริงส์ แล้วเห็นดอนกิโฆเต้กับซานโช่ โฟรโด้คือดอนกิโฆเต้ แซมอ้วนๆ ชอบกิน เก็บอาหารไปตลอดทางคือซานโช่
อ. คารินา : ตีความได้เยอะแยะมากมาย ตีความเชิงศาสนาได้ จะเจอดอนกิโฆเต้ในวรรณกรรมตะวันตกหลายเรื่อง มีตัวละครที่จำลองจากพระเยซู แม้กระทั่งดอนกิโฆเต้ก็เป็นลักษณะเปรียบพระเยซูอย่างหนึ่งได้ คนที่เพียรพยายาม เอาชนะสิ่งที่คนคิดว่าเอาชนะไม่ได้ เช่นความตาย ความบาป แต่ถูกคนรอบๆ ข้างตัวมองด้วยความเยาะเย้ย ถากถาง หัวเราะเยาะ บอกว่าตัวเองเป็นกษัตริย์ King of the Jews เซร์บันเตสพยายามเสนอภาพนี้หลายตอน มีอะไรที่แฝงนัยยะในไบเบิล ใกล้จบเล่ม 1 มีงานเลี้ยง มีคนมาร่วมรับประทาน 12 คน ภาพคล้าย The Last Supper ตอนดอนกิโฆเต้ผจญภัย ปลดปล่อยผู้เป็นทาส ผลการปลดปล่อย นอกจากไม่สำนึกยังเป็นอันตราย คล้ายๆ ที่พระเยซูเจอมา ทำตามสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าถูกต้อง ต้องบอบช้ำ ถูกอิฐเขวี้ยง แต่ดอนกิโฆเต้เชื่อในหลักอัศวิน พึงปราบภัยพาล พระเยซูเกิดมาไม่ใช่เฉพาะคนดี คนมั่งมี ดอนกิโฆเต้ไปเจอคนชายขอบ มีทั้งคนคุก โสเภณี เป็นคนแบบเดียวกันกับที่พระเยซูให้ความสำคัญ
คุณสุวัฒน์ : ผู้อ่านดอนกิโฆเต้น่าจะได้รับความหวัง แม้ชีวิตจะอยู่ในสถานการณ์มืดริบหรี่เพียงใด ถ้ายึดความหวังไว้ วันหนึ่งความสว่างจะฉายลงมา คนคิดดับชีวิตตนเองดังที่เราพบจากข่าวปัจจุบัน คือผู้ไม่มีความหวังใดๆ หลงเหลือ เซร์บันเตสสอนเราผ่านดอนกิโฆเต้ว่าชีวิตต้องมีความหวัง และต้องบำรุงเลี้ยงความหวังอยู่เสมอ
อ. สว่างวัน : ดอนกิโฆเต้มีความเป็นสเปนมาก สเปนช่วงที่เซร์บันเตสเป็นเด็กๆ มีศาสนาคริสต์คาทอลิก โลกเปิดมาก ประมาณศตวรรษที่ 8 ต่อมาถูกครอบครองโดยอาหรับ แต่มียิวอยู่ด้วย อยู่อย่างผสมกลมกลืนพอสมควร ใครอยากนับถือต่างศาสนาก็อยู่ได้โดยการจ่ายส่วย ทางใต้เป็นมุสลิม ทางเหนือเป็นคาทอลิก มีศิลปะของทั้ง 3 ชนชาติในแผ่นดินสเปน ต่อมาความขัดแย้งมากขึ้นๆ มีการขับไล่ชาวอาหรับออกจากประเทศ ทำให้สเปนตกต่ำ เพราะอาหรับและยิวเก่งด้านธุรกิจการเงิน ศาสนาแยกกัน เริ่มมีนิกายโปรแตสแตนท์ เพื่อป้องกันความคิดแปลกแยก สเปนจึงปิดประเทศ เซร์บันเตสขัดแย้งมาก ตอนเด็กโลกเสรี พอวัยกลางคนกลับถูกปิดกั้นทางความคิด ไม่มีใครตอบได้ว่าเซร์บันเตสเป็นคาทอลิก โปรแตสแตนท์ หรือยิวกันแน่
ฉากเรือนแรมช่วงท้ายๆ แสดงสังคมสเปนไว้ดียิ่ง มีตัวละครมาพบกัน ทั้งลูกดยุค ขุนนางต่ำศักดิ์ ชาวนา โดโรเตอา-หญิงชาวบ้านมั่งคั่ง บาทหลวง กัลบก ตำรวจหลวง คนต้อนล่อ คนรับใช้ ผู้พิพากษา ทหาร แขกมัวร์ รวมประมาณ 32 คน ทุกคนเคลื่อนไหว ทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ตรงนี้คือเรื่องนี้เป็นสเปนในความรู้สึก
อ. คารินา : การอ่านวรรณกรรมเพื่อให้รู้เขารู้เรา เรียนภาษาเขา เรียนวรรณคดี ควรรู้จักภาษา ความคิด และประวัติศาสตร์
คุณสุวัฒน์ : ความแตกต่างในความสภาพความเป็นจริงของสังคมไม่ใช่ปัญหา ปัญหาที่แท้จริงคือการไม่ยอมรับเหตุผลซึ่งกันและกัน
อ. สว่างวัน : มีคนกล่าวว่าห้องสมุดของดอนกิโฆเต้ อาจเป็นห้องสมุดของเซร์บันเตส เขารักหนังสือ มีหนังสือ 300 กว่าเล่ม สมัยนั้นเนื้อวัวเนื้อแกะราคา 15 มาราเบดิ หนังสือเล่มนี้ราคา 290 มาราเบดิกึ่งในยุคนั้น แปลว่าแพง ตอนนี้เนื้อหมูกิโลละ 100 หนังสือ 600 บาท ไม่แพงนะคะ (หัวเราะ) ดอนกิโฆเต้มีหนังสือ 300 กว่าเล่ม มีหนังสือบางเล่มรอดจากถูกทำลายไปเพราะอ่านสนุก เซร์บันเตสคิดว่างานประพันธ์ต้องมีศิลปะด้วย งดงามด้วย อ่านสนุกด้วย
อ. คารินา : ยุคโบราณก็มีการเล่นเส้นแล้ว คนนี้จำชื่อนักเขียนได้ จึงเก็บหนังสือไว้
อ. สว่างวัน : ชอบตัวละครผู้หญิงของเขา เรื่องนี้มีตัวละครหญิงเยอะมาก ต้องนึกถึงผู้หญิงเมื่อ 400 ปีที่แล้ว (อ. คารินาเสริมว่าวันนี้เป็นวันสตรีสากล) ชอบโดโรเตอา ลูกชาวนา ฐานะมั่งคั่ง พ่อมอบหมายให้ดูแลเรือกสวนไร่นา คุมคนงาน เป็นผู้หญิงเก่ง สวยมาก ถ้าเราเป็นโดโรเตอาจะทำอย่างไร ผู้ชายเข้ามาหาถึงในห้องนอน อย่างไรก็เสียหายไปแล้ว จึงให้สัญญาจะแต่งงาน ผู้ชายไปหา ได้แล้วก็จบกัน หนีด้วย โดโรเตอาต้องปลอมตัวเป็นชายตามไป อยากได้สามีคืน ในที่สุดไปเจอ โดโรเตอาให้เหตุผลดีมากว่าทำไมจึงควรแต่งงานกับเธอ ดังนี้
จงใคร่ครวญเถิดว่า ความรักแลภักดีที่ข้ามีต่อท่าน
จักมีค่าเสมอความงามแลศักดิ์ตระกูลของหญิงนางนี้ผู้ที่ท่านหมายปองจนสลัดข้าไปหรือไม่
... หากท่านไม่ประสงค์ให้ข้าเป็นภริยาด้วยชอบแลแท้จริงดังที่ข้าสมควรเป็น
ก็ขอโปรดรับข้าไว้เป็นนางทาสของท่านด้วยเถิด เพียงได้อยู่ร่วมชายคากับท่าน
ข้าก็พึงใจแลเปี่ยมสุขยิ่งแล้ว ... ท่านจะไม่ยึดถือว่าถ้อยคำตนเป็นสัจจะกระนั้นหรือ
ก็เมื่อท่านทระนงในศักดิ์ตระกูลแลถือเป็นเรื่องหมิ่นแคลนตัวข้า
คำมั่นของท่านย่อมเป็นดั่งพยานแลสวรรค์เบื้องบนก็ดุจกัน
สวรรค์อันท่านกล่าวอ้างยามให้คำมั่นแก่ข้า
แม้นถ้อยคำที่ข้ากล่าวมามิบังเกิดผลใดต่อจิตใจท่าน
เสียงแห่งมโนสำนึกย่อมแว่วเตือนท่าน
ผู้หญิงอีกคนคือนางมาร์เซล่า ผู้ชายที่หลงรักเธอฆ่าตัวตาย เมื่อนางปรากฏตัว คนเรียกเธอว่านางอสรพิษ แต่เธอบอกว่าเกิดมาสวยแล้วทำไมเหรอ คุณมาบอกรักคนสวยแล้วฉันต้องรักตอบด้วยหรือ ถ้าไม่สวยขึ้นมาล่ะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวยด้วยแพทย์นะคะ เกิดมาสวยเอง จะมาว่าเขาได้อย่างไร ปณิธานของเจ้าหล่อนคือข้าเกิดมาเยี่ยงเสรีชน แลดำรงตนอิสระ เมื่อตายไป ความงามที่เหลืออยู่จะเป็นของผืนดินที่ฝังตัวนาง ตอบเฉียบขาดมาก ชอบค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น